วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

วัดแสงแก้วโพธิญาณ


วัดแสงแก้วโพธิญาณ





วัดแสงแก้วโพธิญาณ

วัดแสงแก้วโพธิญาณ

      วัดแสงแก้วโพธิญาณ ตั้งอยู่ที่ 191 ม.11 บ้านใหม่แสงแก้ว ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เป็นอีกหนึ่งวัดในจังหวัดเชียงราย ที่มีความสวยงามมากๆครับ ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของวัด หรือความงามจากธรรมชาติรอบๆตัววัด ทำให้บรรยากาศโดยรวมถือได้ว่าสวยและเงียบสงบมากๆ … ความรู้สึกแรกหากใครที่ได้มายังวัดแสงแก้วโพธิญาณแห่งนี้ จะต้องสังเกตเห็น รูปหล่อเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัยองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ครูบาอภิชัย ขาวปี และครูบาชัยวงศา พัฒนา ที่เด่นและสูงใหญ่ตระหง่าเปล่งประกายอยู่ภายในวัด



วัดแสงแก้วโพธิญาณ
ที่มาของชื่อวัดแสงแก้ว
   
 “แสงแก้วมาจากแสงอันสว่างไสวราวกับดวงแก้วที่เปล่งประกายออกจากดอกบัว และสัญลักษณ์ดอกบัวที่พบในนิมิตก็อุปมาได้ดังพระโพธิญาณ อันเป็นความรู้แจ้งสูงสุด หรือ ความรู้ในการตรัสรู้หลังจากได้พื้นที่ในการก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อย ครูบาอริยชาติพร้อมคณะศรัทธาก็เริ่มปรับพื้นที่ และจัดการด้านระบบสาธารณูปโภคสำหรับเตรียมก่อสร้างทันที ในขณะที่ศิษยานุศิษย์ซึ่งเคารพศรัทธาในบารมีของครูบาอริยชาติ ตลอดจนเหล่าพุทธศาสนิกชนในวงกว้าง เมื่อได้ทราบข่าวต่างแสดงความจำนงขอร่วมบริจาคปัจจัยเพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างวัดแห่งใหม่นี้เป็นจำนวนมากอย่างไรก็ตามแม้การดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวางศิลาฤกษ์จะเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่นจนใกล้จะถึงกำหนดวันที่จะวางศิลาฤกษ์เข้าไปทุกที คณะศรัทธาก็ยังไม่อาจได้ข้อสรุปเรื่องชื่อวัดแต่อย่างใด แม้จะมีผู้เสนอชื่อมาให้เลือกหลายต่อหลายชื่อก็ตาม สร้างความหนักใจให้กับครูบาและคณะอยู่ไม่น้อย

ในช่วงนั้นครูบาอริยชาติซึ่งแม้จะต้องตระเตรียมความพร้อมเรื่องพิธีวางศิลาฤกษ์ด้วยตนเอง แต่ก็ยังต้องเจียดเวลามาต้อนรับคณะญาติโยมที่เดินทางมากราบนมัสการโดยไม่ขาดสายด้วย จนกระทั่งในคืนก่อนวันที่จะวางศิลาฤกษ์เพียง ๒ วัน ขณะที่ครูบากำลังจำวัดอยู่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลียอย่างยิ่งนั้นเอง ค่อนรุ่งคืนนั้นท่านก็เกิดนิมิตขึ้นอีกครั้งในนิมิตนั้นครูบาพบว่าบนท้องฟ้าวันนั้นมืดครึ้มไปทั่วทุกทิศ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักและมืดมิดจนมองอะไรไม่เห็นเลย ในขณะที่ครูบากำลังหลงทางและเดินวนเวียนอยู่บนเขา ท่านก็มองเห็นสำแสงหนึ่งสาดเข้ามาปรากฏว่าเป็นแสงไฟฉายจากคนรู้จักกำลังเดินขึ้นเขามา พร้อมกับบอกท่านว่าขณะนี้ฝนตกหนักจนน้ำท่วมหมู่บ้านที่อยู่เชิงเขาหมดสิ้น ชาวบ้านกำลังหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนยอดดอยกันแล้ว ว่าแล้วก็นิมนต์ครูบาให้ไปด้วยกันด้วยความเป็นห่วงชาวบ้าน ครูบาอริยชาติจึงบอกกับชาวบ้านผู้นั้นว่า จะขอลงไปดูข้างล่างก่อน แต่เมื่อเดินลงเขาได้ไม่นานก็พบกับชาวบ้านกลุ่มใหญ่ประมาณ 50-60 คน กำลังเดินตากฝนขึ้นมายังภูเขาเช่นเดียวกัน พร้อมกับบอกว่าบริเวณพื้นด้านล่างน้ำท่วมหนักมากแล้ว และขอร้องให้ท่านขึ้นไปบนยอดเขาด้วยกัน หลังจากใคร่ครวญดูเห็นว่าไม่อาจทำอะไรได้แล้ว ในที่สุดครูบาอริยชาติก็เดินฝ่าสายฝนตามชาวบ้านกลุ่มนั้นไป แต่ในขณะที่เดินขึ้นเขาไปนั้น จู่ๆ พื้นดินบริเวณใกล้ๆกันนั้นก็เกิดยุบตัวเป็นบริเวณกว้างและลึกเกือบเมตร ทำให้กระแสน้ำที่ไหลลงจากภูเขาเนื่องจากฝนตกหนักไหลวนลงไปยังหลุมที่ดินยุบตัวนั้น ในนิมิตนั้น ครูบามองเห็นวัตถุอย่างหนึ่งซึ่งเปล่งแสงเรืองรองอยู่ในหลุมและกำลังดิ้น เมื่อครูบาใช้ไม้เขี่ยขึ้นมาแล้วหยิบมาวางบนฝ่ามือ ก็เห็นว่าวัตถุนั้นมีรูปลักษณ์คล้ายกับดอกบัวเผื่อน จากนั้นครูบาก็โยนวัตถุดังกล่าวทิ้งไปแล้วเดินทางต่อ แต่เดินไปได้สักพัก หนทางข้างหน้าก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่ภูเขาที่มีแต่ป่าไม้หรือป่าไผ่เหมือนที่ควรจะเป็นนิมิตอันประหลาดนี้ปรากฏอยู่จนรุ่งสาง และเมื่อครูบาอริยชาตินำมาเล่าให้กับคณะของพ่อหลวงยาและชาวบ้านฟัง ทุกคนต่างมีความเห็นตรงกันว่านี่คงเป็นนิมิตที่เทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาบอกเหตุเป็นแน่แท้



วัดแสงแก้วโพธิญาณ


    จากนิมิตนี้เอง จึงเป็นที่มาของชื่อ วัดแสงแก้วโพธิญาณ” โดย แสงแก้วมาจากแสงอันสว่างไสวราวกับดวงแก้วที่เปล่งประกายออกมาจากดอกบัว และสัญลักษณ์ ดอกบัวที่พบในนิมิตก็อุปมาได้กับ พระโพธิญาณ” อันเป็นความรู้แจ้งสูงสุด หรือ ความรู้ในการตรัสรู้นั่นเอง (โพธิญาณ มาจากคำว่า โพธิ แปลว่า ตรัสรู้ และคำว่า ญาณ แปลว่า หยั่งรู้ คำว่า โพธิญาณจึงแปลให้เข้าใจได้ง่ายๆ ว่า “ความรู้ในการตรัสรู้ซึ่งก็คือ ตรัสรู้ความรู้ในสัจจธรรม”) ส่วนในขั้นตอนการดำเนินการขออนุญาตตั้งวัดนั้น หลังจากได้เสนอเรื่องไปยังกรมการศาสนา (สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ) สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ประทานนามใหม่เป็น วัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ” อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านยังคงนิยมเรียกสั้นๆ ว่า วัดแสงแก้วโพธิญาณ” นับจากนั้น ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต จึงย้ายจากวัดพระธาตุดงสีมา มาเป็นเจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ และจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งใหม่นี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน 

อ้างอิงจาก:http://www.muangthai.com/thaidata/85379

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น