วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

ศาลสมเด็จพระนเรศวรอำเภอแม่สรวย


ศาลสมเด็จพระนเรศวรอำเภอแม่สรวย






ศาลสมเด็จพระนเรศวร อำเภอแม่สรวย

        ปัจจุบันการเดินทางจาก จ.เชียงใหม่ ไป จ.เชียงราย นิยมใช้เส้นทาง อ.ดอยสะเก็ด ผ่าน ต.แม่ขะจาน อ.เวียงป่าเป้า และผ่าน อ.แม่สรวย ก่อนที่จะเข้าสู่ตัว จ.เชียงราย นับเป็นเส้นทางที่สะดวก และมีทัศนียภาพที่งดงาม ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่จะเล่าในคราวนี้ ตั้งอยู่บนเนินสูงทางด้านขวามือ ก่อนจะถึงตัว อ.แม่สรวย ไม่ไกลนัก สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ตรงบริเวณด้านหน้าทางเข้าศาลจะมีรูปปั้นช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวร จำนวน 2 ช้าง ยืนโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ที่นั่น

            สำหรับสถานที่อันเป็นบริเวณตั้งศาลสมเด็จพระนเรศวรแห่งนี้ มีประวัติกล่าวไว้ว่า เป็นสถานที่ซึ่งสมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ พระอนุชาธิราช ได้เคยเสด็จกรีธาทัพหลวง ออกจากกรุงศรีอยุธยา เพื่อไปตีกรุงอังวะ ซึ่งอยู่ทางตอนบนของ จ.เชียงราย ในครั้งนั้นได้ทรงยกทัพเข้าสู่เมืองเชียงใหม่ และประทับอยู่เป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นได้จัดทัพเป็น 2 ส่วน ให้พระอนุชาเสด็จไปทาง อ.ฝาง ส่วนพระองค์เสด็จทาง อ.แม่สรวย และทรงพักทัพอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้
           ด้วยประวัติของสถานที่ดังที่ได้กล่าวมา เมื่อครั้งวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมายัง อ.แม่สรวย ในครั้งนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบวงสรวงสังเวย เป็นราชพลี และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายแด่ดวงพระวิญญาณ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ พระอนุชาธิราช ตลอดจนเหล่าทหารหาญที่ตามเสด็จครั้งนั้น
            ต่อมาในวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2533 พล.ท.ศิริ ทิวะพันธุ์ แม่ทัพภาคที่ 3 (ยศ และตำแหน่งในขณะนั้น) ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ ในการตั้งศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนี้ขึ้นมา ครั้นเมื่อวันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ.2534 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานพิธีเททองหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขนาดเท่าพระองค์จริง ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ และได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่ศาลอำเภอแม่สรวย ในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2546
            สำหรับพระราชประวัติโดยสังเขปของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช นั้น ภายหลังที่ทรงเป็นองค์ประกันที่กรุงหงสาวดีแล้ว ได้เสด็จกลับสู่กรุงศรีอยุธยา และทรงประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นตรงต่อพม่า ครั้นปีพ.ศ.2133 ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 18 แห่งกรุงศรีอยุธยารามเทพนคร เสวยราชสมบัติอยู่เป็นเวลา 15 ปี ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ทรงทำการรบเป็นสามารถมาโดยตลอด เป็นเหตุให้ภายหลังรัชกาลของพระองค์ พม่าไม่มารบกับสยามอีกเลย เป็นเวลากว่า 150 ปี จึงควรที่ลูกหลานไทยจะได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ไปตราบชีวิตจะหาไม่



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น